Quant แทบจะเป็น Bug word ใครๆก็ใช้ Quant และนิยาม Quant ไม่เหมือนกัน แล้วเราจะนิยาม Quant อย่างไรดี
การวิเคราะห์การลงทุนแบบต่างๆ
วิธีการหลัก 3 วิธีที่ใช้ในการประเมินการลงทุนระยะยาวคือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis), การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis), และการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)
เราเริ่มต้นที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือ Fundamental Analysis การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจุดมุ่งหมายของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการหามูลค่าที่แท้จริง ผ่านการตรวจสอบทุกแง่มุมของธุรกิจ อุตสาหกรรม ตลาด และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการพิจารณาสินทรัพย์ที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน งบการเงิน ข้อมูลในอดีต และรายงานต่างๆ การเปรียบเทียบมูลค่าที่คาดการณ์กับราคาตลาดปัจจุบันช่วยให้ทราบว่าการลงทุนมีมูลค่าต่ำกว่าหรือเกินมูลค่าจริงหรือไม่
“การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นกระบวนการวัดมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์โดยการประเมินทุกด้านของธุรกิจหรือตลาด”
ปัญหาของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็คือคุณแน่ใจหรือว่าจะสามารถหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการได้ ในเมื่อเราไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดของกิจการ และมีสมมุติฐานมากมายที่ใช้ในการกำหนดราคาที่ควรจะเป็นและปัจจัยเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา หรือแท้ที่จริงแล้วมูลค่าที่แท้จริงอาจไม่มีจริงด้วยซำ้ ต่อให้เราสามารถหามูลค่าที่แท้จริงได้ หากราคาไม่กลับมาหาราคาที่แท้จริงแหละ ดังที่ บิดาแห่งเศรษฐสาตร์กล่าวไว้ "ราคาผิดปกติได้นานกว่าที่คุณคิด" ถึงตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราสามารถทำกำไรได้อย่างสมเหตุสมผลได้หากเราตอบคำถามข้างต้นไม่ได้
เรามาดูที่การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคกันบ้างการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคการวิเคราะห์เชิงสถิติของข้อมูลตลาด เช่น ผลตอบแทนในอดีต ราคาหุ้น และปริมาณการซื้อขายเพื่อระบุรูปแบบ เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตโดยอิงจากสมมติฐานว่าผลการดำเนินงานในอดีตสามารถบอกทิศทางในอนาคตได้
แน่นอนว่าการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคการมีคำถามอยู่ งานวิจัยมากมายบอกเราว่า คุณสามารถทำกำไรในตลาดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคไกล้เคียงกับการเลือกหุ้นแบบสุ่ม ปาลูกดอกใส่เป้าหมาย หรือโยนเหรียญเพื่อเลือกซื้อหรือขาย กล่าวคือ โดยการเสี่ยงโชค แต่คุณไม่สามารถทำกำไรอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีนี้ และวิธีการทางเทคนิคแทบไม่มีหลักการทางเศรษฐสาตร์ในการพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง
บาคเชลิเอ กล่าวไว้ว่า อิทธิพลที่กำหนดความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นมีมากมายนับอนันต์ ทั้งเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่สิ่งคาดการณ์ว่าจะเกิดในอนาคต จนอาจจะมีเพียงคนบ้าเท่านั้้นที่บอกว่าทำนายราคาได้ ในทศวรรษ 1950 แฮร์รี มาร์โควิทซ์ นำเสนอแนวคิดเรื่องความน่าจะเป็นมาประยุกต์ใช้กับการวัดและการบริหารความเสี่ยงและการจัดสรรสินทรัพย์ จนกลายมาเป็นมาตรฐานในการบริหารจัดการลงทุน ที่เรียกว่าทฤษฏีพอร์ตการลงทุนที่เป็นวิชาพื้นฐานของ Quant Buyside
“เราสามารถทำนายทิศทางของดาวหางได้ง่ายกว่า ที่เราจะทำนายทิศทางราคาหุ้น Citigroup ได้ แต่แน่นอนที่ความน่าดึงดูด คือคุณสามารถสร้างรายได้จากความสำเร็จในการทำนายทิศทางราคาหุ้นมากกว่าดาวหาง” ไซมอนส์
อีกหนึ่งตัวอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จใน Quant คือ จิมไซมอน ที่ใช้สิ่งที่เขาเรียกว่า Quant ค้นหาแพทเทิร์นจากข้อมูลขนาดใหญ่ และประมวลผล ส่งคำสั่งจากข้อมูลเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว วิธีการของไซมอนกล่าวไว้ว่า
“เราไม่ได้ใช้ศาสตร์ที่ลึกซึ้งจริงๆ หรอก แน่นอนว่าวิธีการทางสถิติของเราบางอย่างอาจซับซ้อนมาก ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นศาสตร์ง่ายๆ ผมแค่ต้องการคนที่รู้คณิตศาสตร์มากพอ เพื่อให้เขาสามารถใช้เครื่องมือเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องมีความอยากรู้อยากเห็นว่าเครื่องมือต่างๆ ทำงานอย่างไร รวมทั้งมีจินตนาการและความอดทนมากเพียงพอที่จะไขปริศนาออกมาได้” ไซมอนส์ (2000) ผลการดำเนินงานของกองทุนน่ามหัศจรรย์อย่างมากโดยเฉลี่ยกว่า 60% และในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ ดัชนี S&P500 ร่วงลง 38.5% กองทุน Medallion กลับทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้น 98.2% ในทศวรรษปี 1994 ถึงกลางปี 2014 กองทุนมีกำไรเฉลี่ยต่อปี ก่อนหักค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 71.8%
Quant คืออะไร?
การเงินเชิงปริมาณคือการใช้คณิตศาสตร์เพื่อทำความเข้าใจและคาดการณ์พฤติกรรมของตลาด มีสองวิธีหลักในการสร้างแบบจำลอง: แบบแรกคือแบบจำลองที่สามารถกำหนดตัวแปรได้โดยสมบูรณ์ ( Deterministic) ซึ่งเป็นแนวคิดแบบนิวตันที่พยายามอธิบายระบบอย่างแม่นยำตามกฎทางคณิตศาสตร์ อีกแบบหนึ่งคือแบบจำลองความน่าจะเป็น ที่อ้างอิงจากทฤษฎีสถิติในการอธิบายระบบในรูปแบบของความน่าจะเป็น ในทางปฏิบัติเรามักจะใช้แบบจำลองทั้งสองประเภทผสมผสานกัน ดังเช่นในการพยากรณ์อากาศ จะใช้แบบจำลองที่สามารถกำหนดตัวแปได้โดยสมบูรณ์เป็นหลัก แต่เนื่องจากแบบจำลองดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะคลาดเคลื่อน จึงต้องใช้เทคนิคทางสถิติในการประเมินความน่าจะเป็นเพิ่มเติม (เช่น มีโอกาส 20% ที่จะฝนตก) นักวิเคราะห์เชิงปริมาณนำวิธีการผสมผสานแบบจำลองมาใช้กับตลาดการเงินด้วยเช่นกัน และประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนจำนวนมหาศาล เราจะศึกษาถึงวิธีการนำทฤษฎีความน่าจะเป็นมาใช้ในการทำนายสภาวะอากาศของตลาดการเงิ
“หากต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง ให้สร้างแบบจำลองใหม่ที่ทำให้แบบจำลองที่มีอยู่ล้าสมัย”
เราจะนิยาม Quant อย่างไร นั้นเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดขอองเรื่องนี้ Quant อาจจะเป็นเพียงคน ที่ใช้ คณิตศาสตร์ สถิติ มาเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในโลกการเงิน ปัจจุบันคำว่า Quant เริ่มปรับใช้กับการวิเคราะห์ที่หลากหลายมากกว่าในอดีตที่เน้นแคลคูลัส รวมถึงมีการนำเอาวิทยาการคอมพิวเตอร์ร่วมถึง ML (แม้ Quant เดิม ๆ ยัง Anti) บางพวกบอกใช้เทคนิคอลก็เป็น Quant แล้ว บ้างคนบอกว่าใช้ตัวเลขก็ถือว่า เป็น Quant แล้วอาจจะใช่ไม่ใช่แล้วแต่คุณเลย เราไม่มีเส้นที่ขีดแล้วว่าอันนี้ใช่ Quant ไม่ใช่ Quant
แต่สิ่งที่ Quant อาจจะแตกต่างคือเราสามารถโต้แย้งได้ แสดงความเห็นได้พิสูจต์ว่าถูกหรือผิดได้ ในขณะที่การลงทุนแบบดั่งเดิมไม่มี
คุณบอกได้ว่า Markowitz (ไม่มี Quant คนไหนคุณว่าทฤษฏีของ Markowitz ถูกต้อง 100 %) คุณสามารถบอกได้ว่า Black–Scholes model ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครดราม่ากับคุณ แต่คุณลองพูดสิ Benjamin Graham ใช้ไม่ได้จริง ทฤษฏีดาวเป็นเรื่องของความบังเอิญ รถทัวน่าจะมาจอดไกล้บ้านคุณ
ref:
Louis Bachelier's Theory of Speculation: The Origins of Modern Finance
https://www.linkedin.com/pulse/why-technical-analysis-doesnt-work-jonathan-kinlay/
สำหรับการอธิบายเกี่ยวกับประวัติผลการดำเนินงานของการซื้อขายโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค พร้อมกับแหล่งอ้างอิง ดูเพิ่มเติมที่ มัลคีล (1999, หน้า 160)
Comments