การซื้อขายด้วยอัลกอริทึม (Algorithmic Trading) ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานในตลาดการเงินโดยสิ้นเชิง ด้วยการมอบวิธีการซื้อขายที่เป็นระบบและอัตโนมัติ แนวปฏิบัตินี้ถูกนิยามว่าเป็นการใช้อัลกอริทึมเพื่อดำเนินการซื้อขายตามเงื่อนไขที่กำหนดล่วงหน้าโดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ การเน้นย้ำในเรื่องความอัตโนมัติทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากช่วยให้กลยุทธ์ที่ออกแบบ ทดสอบ และดำเนินการตามกฎอย่างเคร่งครัด ซึ่งช่วยลดอิทธิพลของอารมณ์หรือการตัดสินใจโดยพลการ
สำหรับรายย่อย การซื้อขายด้วยอัลกอริทึมมักหมายถึงการซื้อขายอัตโนมัติ การซื้อขายระบบ และการซื้อขายเชิงปริมาณ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกมองว่าเป็นความหมายเดียวกันในบริบทนี้ ในทางตรงกันข้าม ในอุตสาหกรรมการเงินในวงกว้าง คำนี้มักเกี่ยวข้องกับอัลกอริทึมการดำเนินการ เช่น Volume Weighted Average Price (VWAP) ซึ่งมุ่งหวังที่จะปรับต้นทุนและเวลาของคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ให้เหมาะสม ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันระหว่างตลาดรายย่อยและสถาบัน
มุมมองในอดีตของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม
ข้อได้เปรียบสำคัญประการหนึ่งของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม คือ ความสามารถในการประเมินผลการดำเนินงานของกลยุทธ์โดยใช้ข้อมูลตลาดในอดีต กระบวนการนี้เรียกว่า Backtesting ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินได้ว่ากลยุทธ์ใดจะให้ผลลัพธ์อย่างไรภายใต้เงื่อนไขตลาดในอดีต Backtesting เป็นองค์ประกอบสำคัญของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม เพราะมันให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไร ความเสี่ยง และความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การซื้อขาย การประเมินผลนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถปรับปรุงอัลกอริทึมได้ดีขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ตลาดในอนาคต
การจำลองการซื้อขายโดยอ้างอิงข้อมูลในอดีตช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้จริง แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับประกันผลลัพธ์ในอนาคต แต่กลยุทธ์ที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดีจะเพิ่มความเป็นไปได้ของผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ
ประสิทธิภาพของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม
การซื้อขายด้วยอัลกอริทึมมอบประโยชน์ด้านประสิทธิภาพหลายประการเมื่อเทียบกับวิธีการซื้อขายแบบใช้ดุลยพินิจ (Discretionary Trading) ประโยชน์เหล่านี้เกิดจากจุดแข็งที่เป็นธรรมชาติของระบบอัตโนมัติ พลังในการประมวลผล และการดำเนินการที่เป็นระบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. การติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง
ระบบอัลกอริทึมสามารถทำงานได้ในตลาด 24 ชั่วโมง 7 วัน เช่นตลาด Crypto หรือค่าเงิน ซึ่งแตกต่างจากนักเทรดที่ต้องพักผ่อนและมีข้อจำกัดด้านสมรรถภาพการรับรู้ อัลกอริทึมสามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมากแบบเรียลไทม์ ความพร้อมในการเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลาช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีโอกาสในการซื้อขายหลุดมือไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดหรือเขตเวลาต่างกัน
2. ประสิทธิภาพด้านเวลาและการ scale
ด้วยระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ เทรดเดอรฺไม่จำเป็นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหรือเหตุการณ์ข่าวด้วยตนเอง ทำให้ประหยัดเวลาได้มาก ทำให้นักพัฒนามีโอกาสมุ่งเน้นไปที่การสร้างและปรับปรุงกลยุทธ์เพิ่มเติม นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยให้นักเทรดสามารถใช้งานกลยุทธ์หลายอย่างพร้อมกันได้ ซึ่งช่วยกระจายพอร์ตการลงทุนและลดการพึ่งพาวิธีการซื้อขายเดียว
ตัวอย่างเช่น พอร์ตการลงทุนอาจรวมถึงกลยุทธ์ที่ติดตามแนวโน้ม (Trend-Following) โมเดลการกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย (Mean-Reversion Models) และอัลกอริทึมการเก็งกำไร (Arbitrage Algorithms) ทั้งหมดนี้สามารถทำงานได้พร้อมกัน ความสามารถนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้กับการซื้อขายแบบดุลยพินิจ ซึ่งข้อจำกัดของมนุษย์จำกัดจำนวนกลยุทธ์ที่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
3. การจัดการความเสี่ยงแบบไดนามิก
ระบบการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมมีความเชี่ยวชาญในการจัดการความเสี่ยงแบบไดนามิกและเรียลไทม์ ระบบเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนเลเวอเรจ ขนาดสถานะ และปัจจัยเสี่ยงโดยอัตโนมัติตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น หากความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น อัลกอริทึมสามารถลดความเสี่ยงโดยการลดขนาดสถานะหรือลดระดับการหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ในทางกลับกัน ในช่วงเวลาที่ความผันผวนต่ำ ระบบอาจเพิ่มเลเวอเรจเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวโน้มตลาดที่มั่นคง
การจัดการความเสี่ยงอัตโนมัตินี้ช่วยให้กลยุทธ์การซื้อขายยังคงสอดคล้องกับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้และสภาพตลาด ซึ่งแตกต่างจากนักเทรดที่ต้องคำนวณและปรับพารามิเตอร์ความเสี่ยงด้วยตนเอง ซึ่งใช้เวลานานและมีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาด
4. ความแม่นยำและวินัย
ข้อได้เปรียบสำคัญประการหนึ่งของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมคือการยึดมั่นในกฎและเงื่อนไขที่เข้มงวด นักเทรดมักถูกอิทธิพลจากอารมณ์และอคติด้านความรู้ความเข้าใจ เช่น ความกลัว ความโลภ หรือความมั่นใจเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่สม่ำเสมอ ในทางกลับกัน อัลกอริทึมดำเนินการซื้อขายตามตรรกะที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ถึงวิธีการซื้อขายที่มีวินัยและเป็นระบบ
ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจตื่นตระหนกและขายก่อนเวลาอันควรในช่วงที่ตลาดตกต่ำ แม้ว่ากลยุทธ์จะชี้ให้เห็นว่าควรถือครองตำแหน่งไว้ ในขณะที่อัลกอริทึมจะปฏิบัติตามกลยุทธ์อย่างเคร่งครัดโดยไม่มีการลังเลหรือเบี่ยงเบน
5. การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน
ระบบการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมสามารถลดต้นทุนการทำธุรกรรมโดยการปรับปรุงการดำเนินการซื้อขาย อัลกอริทึมการดำเนินการ เช่น VWAP หรือ Time-Weighted Average Price (TWAP) ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อลดผลกระทบของตลาดจากคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ ด้วยการแบ่งคำสั่งซื้อขนาดใหญ่เป็นคำสั่งซื้อขนาดเล็กที่มีการกำหนดเวลาเชิงกลยุทธ์ อัลกอริทึมเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดได้รับราคาที่ดีขึ้นและลดผลกระทบด้านราคาลื่นไถล (Slippage)
Algorithmic Trading Vs. Quant Trading
Algorithmic Trading และ Quant Trading เปรียบเสมือนจุดตัดกันในแผนภาพวงกลมสองวง Algorithmic Trading จะเน้นในเรื่องความสามารถในการทำให้มันอัตโนมิติปราศจากคน แต่ Quant trading ไม่ได้จำเป็นต้องปราศจากคนในการส่งคำสั่งแต่จจะเน้นกระบวนการออกแบบกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่า โดยเริ่มต้นด้วยการกำหนดคำถามโดยอิงจากการสังเกต ในบริบทของการซื้อขาย ตั้งสมมติฐาน
หลังจากกำหนดสมมติฐานแล้ว นักวิทยาศาสตร์ต้องหักล้างสมมติฐาน ผลลัพธ์ของขั้นตอนการทดสอบจะให้คำตอบทางสถิติว่าสามารถปฏิเสธสมมติฐานว่างได้หรือไม่ที่ระดับความเชื่อมั่นบางระดับ หากไม่สามารถปฏิเสธสมมติฐานแย้งได้ ข้อได้เปรียบหลักของการใช้แนวทางทางวิทยาศาสตร์ในการออกแบบกลยุทธ์การซื้อขายก็คือ หากกลยุทธ์ "ล้มเหลว" หลังจากช่วงก่อนหน้าที่ทำกำไรได้ ก็เป็นไปได้ที่จะทบทวนสมมติฐานเริ่มต้นและประเมินใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่สมมติฐานใหม่ที่ทำให้กลยุทธ์กลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
Kommentare